ประวัติจากเอกสารชั้นต้น ของ พระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร)

ในพื้นเวียงจันทน์

เอกสารพื้นเวียงจันทน์อย่างน้อย 3 ฉบับระบุตรงกันว่าเมื่อพระยาชัยสุนทรขึ้นปกครองเมืองกาฬสินธุ์ ก่อนเหตุการณ์สงครามเวียงจันทน์-สยามในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าไชยเชฏฐาธิราชที่ 5 (สมเด็จพระเจ้าอนุวงศ์ ครองราชย์ราว พ.ศ. 2348-2371) สยามส่งนายกองมาสักเลกรุกล้ำแผ่นดินลาวจนชาวเมืองกาฬสินธุ์เดือดร้อน พระยาชัยสุนทรจึงอพยพไพร่พลไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารสมเด็จพระเจ้าอนุวงศ์ที่เมืองสกลนครซึ่งเป็นเมืองเดิมที่ทรงปกครองมาก่อน ดังข้อความ

แต่นั้น พอเมื่อหมดเขตต์แล้วม้มแห่งฤดูฝน ฝูงหมู่นายกองสักออกมามิช้า เขาก็ไปอยู่ตั้งทัพที่กาฬสินธุ์ จัดหัวเมืองเฮ่งมาโฮมหั้น แต่นั้น เลยเหล่าขำเขือกฮ้อนอุบาทว์หลายประการ เสนาเขาแหกเมืองหนีเจ้า เขาก็หมายเพิ่งเจ้ายั้งขม่อมเวียงจันทน์ เขาก็ขนครัวไปเพิ่งบุญจอมเจ้า ชื่อว่าพญาสมะบพิตรเจ้าแหกจากกาฬสินธุ์ เวียนกินเมืองเอกโทนจริงแท้ เจ้าก็มาอยู่สร้างทันที่หนองหาร ชื่อว่าเมืองสกลนครพื้นปฐพีพระธาตุใหญ่ ฯ[17]

พอเมื่อเหมิดเขดแล้วม้มแห่งระดูฝน ฝูงหมู่นายกองสักออกหลำซ้ำ เขาก็ไปอยู่ตั้งทันที่กาละสิน จัดหัวเมืองเล่งมาโฮมหั้น แต่นั้น เลยเล่าขำเขือดฮ้อนอุบาดหลายปะกาน เสนาเขาแหกเมืองหนีเจ้า เขาก็หมายเพิ่งเจ้าหยั้งขม่อมเวียงจัน เขาก็ขนคัวมาเพิ่งบุนจอมเจ้า ซื่อว่าพะยาสมพะมิดเจ้าแหกจากกาละสิน เลียนกินเมืองเอกโทนจิงแท้ เจ้าก็มาอยู่ส้างแทนที่หนองหาน ซื่อว่าเมืองสะกลนะคอนแผ่นดินพระทาดใหย่[18]

พอเมื่อเหมิดเขตแล้วม้มแห่งฤดูฝน ฝูงหมู่นายกองสักออกมาหล่ำซ้ำ เขาก็ไปอยู่ตั้งทันที่กาฬสินธุ์ จัดหัวเมืองเร่งมาโฮมหั้น แต่นั้น เลยเล่าขำเขือกฮ้อนอุบาทว์หลายประการ เสนาเขาแหกเมืองหนีเจ้า เขาก็หมายเพิ่งเจ้ายั้งขม่อมเวียงจันทน์ เขาก็ขนครัวมาเพิ่งบุญจอมเจ้า ชื่อว่าพระยาสมพมิตรเจ้าแหกจากกาฬสินธุ์ เลียนกินเมืองเอกโทนจริงแท้ เจ้าก็มาอยู่สร้างแทนที่หนองหาน ชื่อว่าเมืองสกลนครแผ่นดินพระธาตุใหญ่ ฯ[19]

ในพงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์และเมืองกมลาสัย: เอกสารฝ่ายท้องถิ่น

เอกสารพงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์ฉบับพระราษฎรบริหาร (ท้าววันทองหรือท้าวทอง) เจ้าเมืองกมลาสัย (เมืองกระมาลาไสย) เขียนด้วยลายมือภาษาลาวอักษรไทยบนสมุดข่อย (สมุดไทยขาวหมึกดำ) สมบัติเดิมของนางรำไพ อัมมะพะ (สกุลเดิม บริหาร) ทายาท ถ่ายสำเนาเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2534 โดยธีรชัย บุญมาธรรม อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ สถาบันราชภัฏมหาสารคาม ต่อมานายบุญมี ภูเดช (เปรียญ) พิมพ์รวมในหนังสือพงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์และประวัติเมืองขึ้นในยุคเก่า ที่โรงพิมพ์จินตภัณฑ์การพิมพ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2525 จำนวน 1,000 ฉบับ คำปรารภหนังสือระบุว่าได้ต้นฉบับจากพระราชพรหมจริยคุณ วัดกลาง เมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งพิมพ์จากหนังสือที่พระราษฎรบริหาร (วันทอง) เรียบเรียงไว้ เอกสารระบุพระประวัติพระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) โดยละเอียดดังนี้

...พระราษฎรบริหารเจ้าเมืองกมลาสัยได้ลำดับพงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์และเมืองกมลาสัยและเมืองขึ้นไว้สำหรับบ้านเมืองต่อไป เดิมปู่ย่าตายายเจ้านายได้สืบตระกูลต่อ ๆ มานั้นตั้งบ้านเรือนอยู่หนองหานพระเจดีย์เชียงชุมที่เป็นเมืองเก่า ครั้นอยู่มาจะเป็นปีใดไม่กำหนดครั้งนั้นพระครูโพนเสม็ดเจ้าอธิการวัดที่เรียกว่าพระอรหันตาพายสร้อยได้ต่อยอดพระธาตุพนม และเมื่อเกิดเหตุต่าง ๆ ได้พาครอบครัวพวกเจ้านายท้าวเพี้ยราษฎรยกไปตั้งทะนุบำรุงอยู่ ณ เมืองจำปามหานครที่เป็นเมืองเก่าร้างอยู่ ซึ่งโปรดฯ ตั้งเป็นเมืองนครจำปาศักดิ์เดี๋ยวนี้นั้น ตั้งเจ้าสร้อยศรีสมุทซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเมืองเวียงจันทน์นั้นขึ้นเป็นเจ้านครจำปาศักดิ์ ครั้นอยู่มาช้านานหลายชั่วก็เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นต่าง ๆ เจ้านายท้าวเพี้ยจึงพร้อมกันพาครัวบุตรภรรยาบ่าวไพร่กลับคืนหนีมาตั้งบ้านเรือนทำมาหากินอยู่ที่หนองหานพระเจดีย์เชียงชุมตำบลบ้านผ้าขาวพรรณาตามเดิม แต่ครอบครัวผู้คนยังค้างอยู่เมืองนครจำปาศักดิ์ก็ยังมาก ครั้นต่อมาภายหลังจะปีและศักราชหลวงเท่าใดไม่มีกำหนดแจ้ง ครั้งนั้นพระยาโสมพะมิต พระยาอุปชา เมืองแสนฆ้อนโปง เมืองแสนหน้าง้ำ ๔ คน เป็นผู้ใหญ่พากันควบคุมท้าวเพี้ยบ่าวไพร่บุตรภรรยาตั้งบ้านเรือนทำมาหากินอยู่บ้านผ้าขาวพรรณาและหนองหานพระเจดีย์เชียงชุมซึ่งเป็นเมืองสกลนครเดี๋ยวนี้ มีท้าวเพี้ยบ่าวไพร่รวมประมาณสัก ๕,๐๐๐ เศษ รับราชการทำส่วยผ้าขาวขึ้นกับเมืองเวียงจันทน์ ครั้นอยู่มาพระยาอุปชากับเมืองแสนฆ้อนโปงถึงแก่กรรมไปแล้ว เจ้าเมืองเวียงจันทน์คิดก่อเหตุเกิดวิวาทบาดหมางขึ้นกับพวกพระยาโสมพะมิต เมืองแสนหน้าง้ำ ๆ อพยพพาครัวบุตรภรรยาท้าวเพี้ยบ่าวไพร่ประมาณ ๒,๐๐๐ เศษ หนีลงมาบรรจบอยู่ด้วยกับพวกพระวอที่แตกหนีอพยพครอบครัวมาแต่หนองบัวลำภูมาตั้งอยู่ ณ บ้านแจละแม ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเมืองอุบลราชธานี แต่พระยาโสมพะมิตนั้นอพยพพาครัวบุตรภรรยาท้าวเพี้ยบ่าวไพร่ประมาณสัก ๓,๐๐๐ เศษ ไปตั้งอยู่ริมน้ำปาวที่เรียกว่าแก่งสำโรง แล้วพระยาโสมพะมิตลงไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงโปรดเกล้าฯ ตั้งให้พระยาโสมพะมิตเป็นที่พระยาชัยสุนทรเจ้าเมือง ขนานนามแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมืองกาฬสินธุ์ แต่ ณ วันปีจอ จัตวาศก (จุ) ลศักราช ๑๑๖๔ พระยาชัยสุนทรโสมพะมิตเจ้าเมืองกาฬสินธุ์ชรา มีอายุสัก ๗๐ ปีเศษ หลงลืมสติจึงมอบราชการเมืองให้กับท้าวหมาแพงบุตรของพระยาอุปชานั้นเป็นผู้ว่าราชการเมืองกาฬสินธุ์ต่อมา แล้วพระยาชัยสุนทรโสมพะมิตกับท้าวหมาแพงผู้รับว่าราชการเมืองต่างนั้นปรึกษาพร้อมกันทำแผนที่เมืองกาฬสินธุ์ แบ่งเขตแดนต่อกันกับเมืองเวียงจันทน์ตั้งแต่แม่น้ำลำพองข้างเหนือมาตกชีข้างตะวันตก ตะวันออกนั้นตั้งแต่น้ำลำพองตัดลัดไปห้วยสายบาทไปถึงห้วยไพรจาน ไปเขาภูทอกซอกดาวตัดไปบ้านผ้าขาวพรรณาบ้านเดิม ยอดลำน้ำสงครามตกแม่น้ำโขง เขตฝ่ายตะวันออกต่อแดนเมืองนครพนมและเมืองมุกดาหาร ผ่าเขาภูพานตัดมายังภูเขาหลักทอดยอดยัง ๆ ตกแม่น้ำลำน้ำชีเป็นเขตข้างใต้ ข้างตะวันตกแม่น้ำลำน้ำชีต่อแดนเมืองร้อยเอ็ดและต่อแดนเมืองยโสธรแต่ยังไม่ได้ตั้งเป็นเมืองเป็นบ้านสิงห์โคกสิงห์ท่าอยู่ แล้วส่งแผนที่ลงไปทูลเกล้าฯ ถวาย...พระยาโสมพะมิตเป็นเจ้าเมืองกาฬสินธุ์อยู่ได้สามปีก็ถึงแก่กรรม ครั้นถึง ณ ปีขาล อัฐศก ศักราช ๑๑๖๘ ปี ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงโปรดเกล้า ฯ ตั้งท้าวหมาแพงขึ้นเป็นพระยาชัยสุนทรเจ้าเมืองกาฬสินธุ์...[20][21]

ในพงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ: เอกสารฝ่ายสยาม

เอกสารพงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ เรียบเรียงดัดแปลงแก้ไขจากพงศาวดารเมืองอุบลราชธานีโดยหม่อมอมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร) ภาคที่ 1 (ในภาคที่ 1-10) ซึ่งเป็นหนังสือตีพิมพ์เอกสารประวัติศาสตร์เรื่องต่าง ๆ ของไทยทั้งเอกสารในประเทศและที่แปลจากภาษาต่างประเทศ โดยโบราณคดีสโมสร หอสมุดพระวชิรญาณ และหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร อนุญาตให้จัดพิมพ์ในวาระต่างๆ มีทั้งหมด 82 ภาค กล่าวถึงพระประวัติพระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) โดยละเอียดดังนี้

...ลุจุลศักราช ๑๑๕๕ ปีฉลูเบญจศก ท้าวโสมพมิตร ท้าวอุปชา ซึ่งเดิมอยู่บ้านผ้าขาวแขวงเมืองศรีสัตนาคนหุต แลพาครอบครัวยกมาตั้งอยู่บ้านท่าแก่งสำโรงริมน้ำปาวนั้น ได้พาพวกญาติพี่น้องมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณกรุงเทพฯ ขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารควบคุมบ่าวไพร่ตัวเลขเก็บผลเร่วส่งทูลเกล้าฯ ถวาย จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ท้าวโสมพมิตรเปนพระยาไชยสุนทรเจ้าเมือง ให้ท้าวคำหวาเปนที่อุปฮาด ยกบ้านแก่งสำโรงขึ้นเปนเมืองกาฬสินธุ์ทำราชการขึ้นกรุงเทพฯ อาณาเขตรเมืองกาฬสินธุ์ครั้งนั้นมีว่า ทิศตวันออกลำพยังตกลำน้ำชี ทิศเหนือเฉียงตวันตกภูเหล็กยอดลำน้ำสงครามมาลำไก่เขี่ย ตัดลงคูไชเถ้าเกาะจนกระทั่งห้วยสายบาทตกลำพวง ทิศเหนือเฉียงตวันออกภูศรีถานยอดลำห้วยหลักทอดตกลำพยัง แต่ภูศรีถานเฉียงเหนือยอดห้วยก้านเหลืองลงน้ำก่ำเมืองหนองหาร เฉียงเหนือภูเหล็กยอดลำน้ำสงครามมาลำน้ำยามถึงลำน้ำอุ่น ตัดมาหนองบัวส้างยอดน้ำลาดตกน้ำหนองหาร ครั้นพระยาไชยสุนทร (โสมพมิตร) อุปฮาด (คำหวา) ถึงแก่กรรมแล้ว จึ่งโปรดตั้งให้ท้าวหมาแพงบุตรท้าวอุปชา เปนพระยาไชยสุนทรเจ้าเมือง ให้ท้าวหมาสุยเปนอุปฮาด ให้ท้าวหมาพวงเปนราชวงษ์ ทั้งสองคนนี้เปนบุตรพระยาไชยสุนทร (โสมพมิตร) เปนผู้รักษาเมืองกาฬสินธุ์ต่อไป แลโปรดเกล้าฯ ให้ข้าหลวงขึ้นไปสักตัวเลขเปนเลขขึ้นเมืองกาฬสินธุ์มีจำนวนครั้งนั้นรวม ๔๐๐๐ คน แบ่งเปนส่วนขึ้นกับเจ้าเมือง อุปฮาด ราชวงษ์ตามสมควร ฝ่ายราชวงษ์ (พอง) นั้น กระทำการเกี่ยงแย่งหาเปนสามัคคีกับพระยาไชยสุนทรไม่ จึ่งอพยพครอบครัวแยกไปตั้งอยู่ณบ้านเชียงชุมแล้วไปยอมสมัคขึ้นอยู่กับเมืองเวียงจันท์ (ศรีสัตนาคนหุต)...[22]

ใกล้เคียง

พระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) พระยาชัยสุนทร (เก ณ กาฬสินธุ์) พระยาชัยสุนทร (หมาแพง) พระยาชัยสุนทร (โคตร) พระยาชัยสุนทร (เจียม) พระยาชัยสุนทร (พั้ว) พระยาชัยสุนทร (กิ่ง) พระยาชัยสุนทร (จารย์ละ) พระยาชัยสุนทร (ทอง) พระยาชัยสุนทร (หนู)